วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวเชียงใหม่...ม่วนใจ๋



งานฤดูหนาวและกาชาด จ.เชียงใหม่



ขอเชิญเที่ยวงานฤดูหนาวและกาชาด จ.เชียงใหม่
30 ธ.ค. 52 -10 ม.ค. 53 ณ สนามบริเวณตรงข้ามสนามกีฬา 700 ปีเชียงใหม่พบกับ การออกร้านเหล่ากาชาด มัจฉากาชาด นิทรรศการหน่วยงานราชการและอำเภอต่างๆ เลือกช์อปสินค้าราคาถูกจากโรงงาน และบริษัทต่างๆ สวนสนุกชุดใหญ่ การประกวดนางสาวเชียงใหม่ และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมายในงาน

ประวัติงานฤดูหนาวและกาชาด จ.เชียงใหม่ในอดีต




งานฤดูหนาวเชียงใหม่ นอกจากจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานราชการและเอกชนแล้ว ในงานยังมีการแสดงมหรสพต่าง ๆ เช่น การฉายภาพยนตร์กลางแปลง การแสดงของคณะกายกรรม การแสดงรถไต่ถัง ส่วนกลางคืนยังมีการประกวดนางงามเชียงใหม่สลับกับการประกวดเพาะกาย ซึ่งมีผู้สนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยเก็บบัตรผ่านประตูคนละ 1 บาท


ภายหลังจากที่รัฐบาลไทยโดยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้สร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขึ้นบริเวณสี่แยกถนนดินสอ เมื่อปี พ.ศ.2483 เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 พร้อมกับประกาศให้วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญ และนั่นดูเหมือนว่าแทบทุกจังหวัดของประเทศได้เริ่มต้นให้มีการจัดงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญขึ้น กระทั่งงานฉลองวันรัฐธรรมนูญได้กลายมาเป็นงานฤดูหนาว ระดับจังหวัดซึ่งถือเป็นงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี

งานฤดูหนาวจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นมาไม่น้อยกว่า 60 ปี โดยจัดครั้งแรกที่บริเวณสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ มีการออกร้านแสดงผลงานของหน่วยงานราชการและเอกชนรวมทั้งการการแสดงมหรสพต่าง ๆ มากมาย คุณบุญเสริม สาตราภัย นักหนังสือพิมพ์และผู้เก็บรวบรวมผลงานภาพถ่ายในอดีตของเมืองเชียงใหม่ เล่าย้อนอดีตถึงบรรยากาศงานฤดูหนาวเชียงใหม่ว่า ประมาณปี พ.ศ.2496 ตอนที่ตนยังทำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์คนเมืองอยู่นั้น ได้รับจ้างเป็นคนโปรยใบปลิวโฆษณางานฤดูหนาวเชียงใหม่ ซึ่งสมัยนั้นจะต้องขึ้นเฮอริคอปเตอร์แล้วนำใบปลิวไปโปรยทั่วเมืองเชียงใหม่ บางครั้งอาจเลยไปถึง อ.สันกำแพง อ.สันทราย เพื่อให้คนมาเที่ยวงานฤดูหนาว





"งานฤดูหนาวสมัยนั้นจัดประมาณปลายเดือนธันวาคมไปจนถึงปีใหม่ ร้านค้าต่าง ๆ ในเชียงใหม่ก็จะมาออกร้านโฆษณาสินค้าของตนเอง โดยมีการสร้างร้านจำหน่ายสินค้าใหญ่โต บางร้านที่จำหน่ายรถยนต์ก็จะนำรถยนต์รุ่นใหม่ มาโชว์ในร้านค้าดึงดูดให้คนสนใจเข้ามาชม ส่วนร้านที่เป็นของราชการก็จะแสดงผลงาน เช่นร้านของสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ (ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยแม่โจ้) ก็จะนำผลงานด้านการเกษตรมาแสดง ร้านค้าของเอกชนต่าง ๆ ก็มาออกร้านแสดงสินค้า เท่าที่เห็นสมัยนั้นไม่ต่ำกว่า 20 ร้าน ตั้งเรียงรายรอบสนามฟุตบอล ส่วนบริเวณกลางสนามจะตั้งเวทีประกวดนางงามเชียงใหม่"

คุณบุญเสริม เล่าต่อว่า ร้านค้าที่มาออกร้านมีมากมายหลายร้าน ทั้งร้านที่เป็นของคนเชียงใหม่เอง เช่นร้านตันตราภัณฑ์ ร้านบริษัทนิยมพานิช นำรถยนต์โตโยต้ารุ่นใหม่มาแสดง ร้านโรงงานสุราเชียงใหม่ จำหน่ายสุราตราม้าขาว ให้ผู้มาเที่ยวงานทดลองดื่มในราคาเป๊กละ 1 บาท เป็นต้น และยังมีร้านจำหน่ายสินค้าที่มาจากกรุงเทพ เช่น จักรเย็บผ้าซิงเกอร์ ผงซักฟองบรีส น้ำมันเอสโซ่ เป็นต้น

งานฤดูหนาวเชียงใหม่ นอกจากจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานราชการและเอกชนแล้ว ในงานยังมีการแสดงมหรสพต่าง ๆ เช่น การฉายภาพยนตร์กลางแปลง การแสดงของคณะกายกรรม การแสดงรถไต่ถัง ส่วนกลางคืนยังมีการประกวดนางงามเชียงใหม่สลับกับการประกวดเพาะกาย ซึ่งมีผู้สนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก โดยเก็บบัตรผ่านประตูคนละ 1 บาท




งานฤดูหนาวเชียงใหม่ จัดที่บริเวณสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ เป็นเวลาหลายปี จนสถานที่จัดงานเริ่มคับแคบ ทางจังหวัดเชียงใหม่จึงได้ย้ายไปจัดที่บริเวณพื้นที่หลังศาลากลางใหม่ แต่ยังคงรูปแบบการจัดงานเหมือนเมื่อครั้งอดีตโดยมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของราชการและเอกชน ซึ่งมีมากขึ้นกว่า 100 ร้านส่วนใหญ่เป็นร้านจำหน่ายสินค้า otop พื้นเมืองของชุมชนต่าง ๆ เช่น ร้านจำหน่ายผ้าทอ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และร้านจำหน่ายของกินของฝาก ส่วนร้านของหน่วยงานราชการเริ่มน้อยลง เนื่องจากระยะหลังไม่ได้รับความสนใจจากผู้มาเที่ยวงานมากนัก



แม้ในระยะหลังงานฤดูหนาวเชียงใหม่ จะเกิดปัญหากลุ่มวัยรุ่นป่วนเมืองด้วยการปาระเบิดในงาน จนทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี จนทำให้ผู้คนไม่อยากมาเที่ยวงานฤดูหนาวเชียงใหม่ เกรงจะได้รับอันตราย ผนวกกับมีข่าวเกิดขึ้นบ่อยเกี่ยวกับปัญหาพ่อค้าแม่ค้าจำหน่ายสินค้าราคาแพงเกินเหตุ จนมีชาวบ้านร้องเรียนไปยังสื่อมวลชนอยู่หลายราย บางคนไปเที่ยวงานฤดูหนาวเชียงใหม่ แวะไปนั่งรับประทานขนมจีนจานละ 30 บาท น้ำเปล่าขวดละ 15 บาท เจอเข้ายังงี้ หลายคนถึงกับออกอาการเข็ด ไม่อยากไปเที่ยวงานฤดูหนาวเชียงใหม่อีกเลย
ข้อมูล:
จักรพงษ์ คำบุญเรือง
mailto:คำบุญเรืองjakpong@chiangmainews.co.th.
25/12/49




อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เชิญเที่ยวงาน

"วันทิวลิปบานที่ไชยปราการ เชียงใหม่" ครั้งที่ 3 วันที่ 31 ธันวาคม – 4 มกราคม 2553

ณ บริเวณแปลงดอกทิวลิป บ้านผาแดง อำเภอไชยปราการ


นายโชคดี อมรวัฒน์ นายอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า อำเภอไชยปราการ ได้เตรียมจัดงานวันทิวลิปบานที่ไชยปราการ เชียงใหม่ ซึ่งปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว งานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม – 4 มกราคม 2553 ณ บริเวณแปลงดอกทิวลิป บ้านผาแดง หมู่ที่ 6 ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ โดยดอกทิวลิปที่นำมาปลูกได้นำพันธุ์มาจากประเทศฮอลแลนด์ จำนวน 6 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีขาว-แดง สีม่วง สีชมพู และสีส้ม ซึ่งทิวลิปจะออกดอกให้ชมเต็มแปลงประมาณสิ้นเดือนธันวาคมไปถึงตลอดเดือนมกราคม 2553 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ในปีนี้คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2552 จะมีกิจกรรม Count Down ณ บริเวณแปลงดอกทิวลิปด้วย ส่วนกิจกรรมในงานมีการประกวดธิดาชนเผ่า การแสดงวัฒนธรรมชนเผ่า การแข่งขันกีฬาชนเผ่า การจัดนิทรรศการของส่วนราชการต่างๆ และการออกร้านมัจฉากาชาดอำเภอไชยปราการ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ใกล้เคียง กับแปลงดอกทิวลิปมีหลายแห่งที่น่าสนใจ อาทิ อดีตกองบัญชาการกองทัพ 3 คณะชาติ ก๊กมินตั๋ง กองพล 93 ,กาดเมืองผี,ถ้ำลอดบาป-ถ้ำรับบุญ,สระน้ำมรกต-ป่าพันปี,น้ำรูตะเคียน-น้ำซาวรู และดอยอ่างขาง นอกจากนี้ยังมีสินค้าโอทอปจากชาวบ้านในพื้นที่มาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย..//

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

5 ธันวามหาราช ทีฆายุโกโหตุ มหาราชา ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน





5 ธันวามหาราช
วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริเริ่ม หลักการและเหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อ เนื่องจากพ่อ เป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบ แทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ อีกทั้งยังทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและ พระราชธิดาที่ทรงรักใคร่ห่วงใย ตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน และพระเจ้าหลานเธอทุก ๆ พระองค์ต่างซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระ เมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้




พระราชกรณียกิจของพระองค์



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภาคตลอดปี โดยได้เสด็จประทับแรมที่พระตำหนัก ตามภาคต่าง ๆ เพื่อจะได้ทอดพระเนตรเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงของประชาชน และหาทางแก้ไขต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงทำให้เกิดโครงการ เช่น โครงการพัฒนาที่ดินทำกินเพื่อให้ราษฎรมีที่ทำมาหากิน โครงการสร้างอ่างเก็บน้ำ การทำฝนเทียมเพื่อแก้ปัญหาฝนแล้ง การประมง การเลี้ยงสัตว์ การตั้งสหกรณ์ เป็นต้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเยี่ยมทหาร ตำรวจและอาสาสมัครในจังหวัดต่าง ๆ ตลอดจนเขตที่มีภัย อันตราย รวมทั้งผู้บาดเจ็บจากการป้องกันประเทศตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด นอกจากนั้นยังทรงโปรดให้มีหน่วยแพทย์พระราชทาน เพื่อให้การรักษาพยาบาลราษฎรในชนบท เช่น ตรวจสุขภาพ ปลูกฝี ฉีดยา เป็นต้น ถ้าราษฎรคนใดเจ็บป่วยเรื้อรังก็ทรงรับเป็นคนไข้ส่วนพระองค์ ส่งมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ ทรงโปรดให้มีการช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาในยามที่ราษฎรได้รับความทุกข์ยากจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ วาตภัย หรือจากผู้ก่อการร้าย โดยพระองค์ทรงพระราชทานแนวทางแก้ไข รวมถึงเครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค อาหาร ตลอดจนที่อยู่อาศัยแก่ราษฎรที่เดือดร้อนอีกด้วย อีกทั้งยังทรงส่งเสริมการศึกษา โดยได้ทรงพระราชทาน ทรัพย์ส่วนพระองค์ ตั้งกองทุน "ภูมิพล" พระราชทานแก่นิสิตนักศึกษาที่เรียนดี ทรงริเริ่มให้จัดทำสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชนขึ้น เพื่อให้เด็กแต่ละวัยสามารถค้นคว้าได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินไปพระราช ทานปริญญาบัตรที่จบการศึกษาในมหาลัยต่าง ๆ ด้วย ทรงอุปถัมภ์และบำรุงศาสนาทุกศาสนา ทรงทะนุบำรุงวัดวา อารามต่าง ๆ พร้อมทั้งเสด็จขึ้นบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางศาสนาอยู่เสมอด้วย
พระราชกรณียกิจที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์แก่ราษฎรทั้งสิ้น ดังนั้นในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุก ๆ ปี สถานที่ราชการโรงเรียนและบริษัทต่าง ๆ จะหยุด 1 วัน เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว










ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน



ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
www.newstrip2009.com

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง



งานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และจังหวัดเชียงใหม่ เห็นชอบร่วมกันให้จัดงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2552 ณ สวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 โดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และจังหวัดเชียงใหม่


กิจกรรม Highlight
1.สวนองค์กร 2สวนนานาชาติ ประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมงานแล้ว จำนวน 12 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ โมร็อคโค เคนย่า ซูดาน อินโดนีเซีย กัมพูชา บังคลาเทศ ภูฎาน อินเดีย เนปาล และแอฟริกาใต้ การจัดนิทรรศการและกิจกรรมด้านการเกษตร1.การจัดนิทรรศการและกิจกรรมโครงการพระราชดำริ สถานที่: อาคารนิทรรศการถาวร (ExpoCenter) แนวคิด(Theme) “ในหลวงกับการลดสภาวะโลกร้อน”
2.การจัดนิทรรศการและกิจกรรมผลงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นการจัดนิทรรศการและกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ผลงานของหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ดังนี้สถานที่ :อาคารนิทรรศการชั่วคราว
2.1กิจกรรม “เกษตรเพื่อประชาชน”-เวทีสนทนาวิชาการเกษตร-ประกวดผลผลิตทางการเกษตร
3. การจัดนิทรรศการในอาคารพืชสวน อาคารโลกแมลง สวนสมุนไพร บ้านหม่อนไหม- อาคารพืชสวน(ไม้ผล)-อาคารโลกแมลง(BugWorld) -สวนสมุนไพร -บ้านหม่อนไหม



4.นิทรรศการและประกวดกล้วยไม้สถานที่:อาคารกล้วยไม้และบริเวณรอบอาคาร ก.ภายในอาคารเรือนกระจกและสวนกล้วยไม้ด้านหน้า(OrchidPark)-ภายในอาคารเรือนกระจก ดำเนินการจัดนิทรรศการโดย กรมวิชาการเกษตร

(1)ชั้นบน จัดแสดงภาพวาดกล้วยไม้

(2)ชั้นล่าง จัดแสดงกล้วยไม้หายาก และกล้วยไม้ทรงคุณค่า ที่ค้นพบโดยคนไทย หรือที่ค้นพบในประเทศไทย/ตั้งชื่อไทย กล้วยไม้เทิดพระเกียรติฯ ไม้พระนามกล้วยไม้ทรงคุณค่า เส้นทางกล้วยไม้ นิทรรศการเกี่ยวกับสิ่งสำคัญ/บุคคลสำคัญของกล้วยไม้ นิทรรศการวิชาการกล้วยไม้ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์โดยจัดแสดงเป็นภาพถ่ายและของจริง รวมทั้งจัดแสดงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกล้วยไม้-บริเวณสวนกล้วยไม้ด้านหน้า(OrchidPark) จัดแสดงพันธุ์กล้วยไม้และตกแต่งภูมิทัศน์มอบหมายให้สวพส.เป็นผู้ดำเนินการข.ภายนอกอาคาร (ด้านหลังอาคารกล้วยไม้) ดำเนินการโดย กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งได้ประสานงานกับสมาคม และชมรมต่าง ๆ โดยจะใช้พื้นที่บริเวณนี้ในการจัด ประกวดกล้วยไม้ 9 สกุล ได้แก่ กล้วยไม้เดี่ยว กล้วยไม้หมู่ และสวนหย่อมกล้วยไม้ และกำหนดให้วันที่ 29 พ.ย.52 เป็นวันตัดสินประกวดกล้วยไม้ จากนั้นจะนำมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-10ธ.ค.52ค.จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง ปลูกกล้วยไม้แบบมืออาชีพ ในวันกล้วยไม้ไทย วันที่ 4 – 5 ธันวาคม 2552 ณห้องประชุมสวพ.1การจัดประกวด การจัดจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก(กรมส่งเสริมการเกษตร)-การดำเนินการของกรมส่งเสริมการเกษตร-การจัดประกวดผลผลิตการเกษตร -การจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก จัดพิธีเปิดงานและกิจกรรมเสริมงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวงกิจกรรมเปิดงาน(OpeningShow)วันที่30พฤศจิกายน2552


1. พิธีถวายพระพรวันเสาร์ที่5 ธันวาคม2552-ถวายเครื่องสักการะของบุคคลสำคัญจากหน่วยงานต่างๆต่อหน้าพระบรมสาทิศลักษณ์-พิธีเปิดกรวยดอกไม้ถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนชัย-การแสดงพลุไฟเฉลิมพระเกียรติ“ราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง”ชุดพิเศษ 9 ชุด ชุดละ 999ลูก
2.การแสดงประจำวันเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพ่อหลวง เวทีใหญ่กลางแจ้ง เวลา 18.00 – 22.00 น.
3.การแสดงพลุดอกไม้ไฟประจำวันเพื่อร่วมปิดงาน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. – 10 ธ.ค. 52 ช่วงเวลาประมาณ 21.30-22.00น.ชุด“เมืองไทยใครใครก็รัก”
4.PASSPORT ท่องเที่ยว “ 9 AMAZING ในงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง ” รับ PASSPORTฟรี วันละ 10,000 ใบ เดินทางท่องเที่ยวในสวนและประทับตราให้ครบ 9 แห่ง ณ จุดที่กำหนดไว้ใน PASSPORT เขียนชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ลงใน PASSPORT ส่งที่บูทของ ททท. เพื่อ-แลกรับของที่ระลึกจากททท.999ชิ้นต่อวัน -ลุ้นจับรายชื่อผู้ที่โชคดี รับรางวัลใหญ่ด้านท่องเที่ยว 9 รางวัลใหญ่ และ 99 รางวัลย่อย
5.การตลาดส่งเสริมการขาย
6.1จัดทัศนศึกษาให้แก่ผู้ประกอบการนำเที่ยว-ททท. ส่วนกลางจัดการทัศนศึกษาให้แก่ผู้แทนสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ และผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ-ททท. สำนักงานสาขาทั่วประเทศ 35 แห่ง จัดการทัศนศึกษาให้แก่ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ของตนเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จ.เชียงใหม่โดยเฉพาะสวนราชพฤกษ์-ททท. สำนักงานสาขาต่างประเทศจัดการทัศนศึกษาให้แก่สื่อมวลชน เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จ.เชียงใหม่โดยเฉพาะสวนราชพฤกษ์

6.2ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จัดโปรแกรมท่องเที่ยว และลงโฆษณาส่งเสริมการขายโปรแกรมท่องเที่ยวมายังงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง






วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ถนนวัฒนธรรมพระปกเกล้า “ ประทีปเบิกฟ้า ยี่เป็งล้านนาเชียงใหม่ ”





จากการที่เทศบาลนครเชียงใหม่ได้มอบหมายให้ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงาน ร่วมกับ องค์กรพันธมิตรในพื้นที่ กำหนดจัดกิจกรรมพิเศษเสริมในงาน “ ประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี ๒๕๕๒ ” โดยใช้ชื่อกิจกรรมนี้ว่า ถนนวัฒนธรรมพระปกเกล้า “ ประทีปเบิกฟ้า ยี่เป็งล้านนาเชียงใหม่ ” นับว่าเป็นปีแรกที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อพลิกฟื้นวัฒนธรรมล้านนาเชียงใหม่ให้กลับมาสู่ความน่าสนใจ จากนามธรรมสู่รูปธรรม ซึ่ง สอดคล้องกับแนวทางโครงการนำเชียงใหม่สู่เมืองมรดกทางวัฒนธรรมล้านนา ( World of Lanna Heritage) และเป็นการยกระดับเทศกาลประเพณีของเชียงใหม่สู่ความนิยมในระดับสากล สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ในการประกาศจังหวัดเชียงใหม่สู่เมืองท่องเที่ยวระดับสากล ดังนั้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จึงสนับสนุนงบประมาณ เพื่อสนองแนวคิดในการสร้างกิจกรรมประเพณีใหม่ในระดับประเทศให้ครอบคลุมทั้ง 12 เดือน โดยเริ่มจากยกระดับกิจกรรมเดิมที่มีอยู่ คือ งานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ สู่การสร้างกิจกรรมใหม่ในอนาคต



สำหรับกิจกรรมถนนวัฒนธรรมพระปกเกล้า “ ประทีปเบิกฟ้า ยี่เป็งล้านนาเชียงใหม่ ” นี้ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อตกแต่งแขวนโคมล้านนากว่าสองหมื่นดวงบนถนนพระปกเกล้าตลอดแนว โดยมีจุดเริ่ม ณ ประตูช้างเผือก ไปยังบริเวณข่วงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ สิ้นสุด ณ ประตูเชียงใหม่ แนวคิดกิจกรรม คือ “ ต๋ามฮีต โตยฮอย ผ่อกอย เมืองงาม ทักษาเวียงพิงค์ สือนาม ๗๑๓ ปี สืบสาน ประเพณียี่เป็ง ล้ำค่า บุญนำพา เสริมบารมี ๑๐ ทัศ “ การผ่อกอยเมืองงามดังกล่าวนี้ จะมีรถ Shuttle Bus จากไนท์ซาฟารี บริการฟรี เพื่อนำเที่ยวและเสริมบารมี 10 ทัศ 10 วัด ภายใต้ร่มพระบารมีปกเกล้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และโคมแขวนใบบุญตลอดเส้นทาง ( วัดหัวข่วง วัดเชียงมั่น วัดดวงดี วัดอันทขิล วัดพันเตา วัดเจดีย์หลวง วัดช่างแต้ม วัดหมื่นตูม วัดเจ็ดลิน วัดฟ้อนสร้อย) นอกจากนี้จุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของล้านนาเชียงใหม่ ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวจะได้ชมก็คือ โคมผัดล้านนาที่ถือเป็นโคมบุญที่ใหญ่ที่สุด และประตูป่าที่งดงามและใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งในงานนี้ จะได้จัดสร้างและตกแต่งขึ้น ณ ลานประตูช้างเผือก ( ประตูหัวเวียงเชียงใหม่ในอดีต)



ดังนั้นจึงขอเชิญชวนทุกท่านสัมผัสความงดงามของถนนวัฒนธรรมพระปกเกล้า ระหว่างวันที่ ๓๑ ตุลาคม ถึง ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ตั้งแต่เวลา ๑๘.00 เป็นต้นไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เทศบาลนครเชียงใหม่โทรศัพท์053255478,053233178
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเชียงใหม่โทรศัพท์053248604,053248607
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโทร.1672


วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สวนพฤกษศาสตร์ เชียงใหม่






องค์การสวนพฤกษศาสตร์
The Botanical Garden Organization

ในปี พ.ศ. 2535 รัฐบาลไทย ได้จัดตั้ง องค์การสวนพฤกษศาสตร์ (อสพ.) ขึ้น เพื่อสนับสนุนงานค้นคว้าวิจัย ทางด้านพฤกษศาสตร์ และการอนุรักษ์นอกถิ่นที่อยู่อาศัยของทรัพยากรพรรณพืชอันทรงคุณค่าของประเทศอ.ส.พ. มีสถานภาพเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอยู่ใต้สังกัดของสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาในเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2545 สืบเนื่องมาจากการปฏิรูประบบราชการ องค์การสวนพฤกษศาสตร์จึงได้ย้ายไปสังกัดกระทรวงที่ได้รับการ จัดตั้งใหม่คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แต่เดิมรู้จักกันในนามของสวนพฤกษศาสตร์แม่สานับว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศ ที่เป็นมาตรฐานสากล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาวิจัยและให้ความรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์ใน ภาคเหนือขององค์การฯ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์”
ภาระกิจหลักของสวนพฤกษศาสตร์ คือ เป็นศูนย์รวมพรรณไม้ไทย ที่มีความเป็นเลิศทางิวชาการด้านพืช ทำหน้าที่เป็นศูนย์ศึกษาและค้นคว้าวิจัย ทางด้านพฤกษศาตร์ ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นสถานที่เผยแพร่ความสวยงามและคุณค่าของพรรณพฤกษชาติไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ แก่ประชาชนทั่วไปวิสัยทัศน์ เป็นองค์กรชั้นนำทางด้านพฤกษศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ศึกษา วิจัย และเผยแพร่ความรู้ ทางด้านพรรณไม้ไทยเพื่อการเรียนรู้ของประชาชน



พันธกิจ
1.พัฒนาการศึกษา วิจัย อนุรักษ์ และรวบรวมพรรณไม้ให้ก้าวไปสู่ระดับการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
2.มุ่งเน้นการเป็นศูนย์กลางข้อมูล ข่าวสาร และองค์ความรู้ทางด้านพรรณไม้ เพื่อการเรียนรู้
3. มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการบริหารจัดการให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
4.มุ่งเน้นการเจริญเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง

ยุทธศาสตร์

1. สงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ ใช้ประโยชน์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยประชาชนมีส่วนร่วม
2. ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนอย่างเป็นธรรม









วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

อุทยานในฝัน กฤษดาดอย



อุทยานในฝัน กฤษดาดอย

เพียง 30 นาที จากตัวเมืองเชียงใหม่ และ 20 นาที จากสนามบินเชียงใหม่ บ้านพักตากอากาศสไตล์ชนบทในฝันแห่งนี้สูงจากระดับน้ำทะเล 700 เมตร งดงามเป็นที่เลื่องลือด้วยสวนพฤกษชาติและบุปผชาติบานสะพรั่งบนเนื้อที่กว่า 20 เอเคอร์ ท่ามกลางภูมิประเทศชวนฝันกลางหุบเขาต่ำจากดอยสองยอดของดอยสุเทพในเชียงใหม่ที่นี่มีแมกไม้และมวลมาลีอวดโฉมชูช่อกลางธรรมชาติตระการตา ธารน้ำไหลรินเสริมบรรยากาศและส่งให้ทัศนียภาพรอบบ้านพักตากอากาศแห่งนี้งามจับตาชวนหลงใหลยิ่งขึ้น ธารน้ำตกโยนตัวลงเหนือชะง่อนผาพร่างพรูสู่กระแสธารเบื้องล่างกลายเป็นแควท่าช้างที่ไหลผ่านรีสอร์ท ตลอดชั่วนาตาปี.